คำถามโลกแตกแต่สำคัญ ยุคสมัยนี้เป็นยุคสมัยที่เปลี่ยนไปแล้ว คำถามแบบนี้นี้ก็ควรเปลี่ยนไป จากการสอนเราพบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ไม่มีจุดหมายหรือไม่รู้ว่าจะเรียนไปทำไม เราก็ควรถามเค้าว่าแล้ว “โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไรหล่ะ” ซึ่งเอาจริงๆแล้วคำถามนี้มาสู่ขั้นวิกฤติแล้วก็ว่าได้ เพราะมันดูจะใช้ไม่ได้กับการเอาตัวรอดในยุคปัจจุบัน การเรียนเพื่อให้ได้เกรดดีๆเรียนยากๆได้ก็ไม่แน่ว่าจะเอาตัวรอดเลี้ยงดูตนเองได้ในยุคนี้ คุณคิดว่าจริงไหมครับ?
เมื่อก่อนเราอยากเรียนหมอเรียนวิศวะเรียนอะไรยากๆเพื่อมีอาชีพที่มั่นคง ปัจจุบันอาชีพที่ดูมั่นคงถูกแทนที่ด้วยเครื่องมือเครื่องจักรไปแล้วเท่าไหร่ ในอนาคตจะถูกปัญญาประดิษฐ์(AI) แทนที่ไปอีกเท่าไหร่ การหันให้ลูกไปปลูกผักทำไร่ทำนา สร้างอะไรที่จับต้องได้ดำรงชีพได้จริงก็อาจจะดูไม่โง่ก็ได้ในสมัยนี้หากมันสามารถทำให้เราเอาตัวรอดในยุคปัจจุบันและอนาคตได้จริงเพราะเป็นสิ่งที่จับต้องได้จริง กินได้จริงๆ กับยุคเราๆนั้นยังไม่เท่าไหร่แต่กับลูกๆหลานๆเรานั้นโลกนี้อาจเปลี่ยนไปเกินกว่าเราจะจินตนาการได้ ดังนั้นการเรียนที่เปรียบเสมือนการฝึกฝนเตรียมพร้อมเพื่อจะก้าวเข้าสู่สังคมจริงชีวิตจริงการใช้ชีวิตจริงๆ จึงท้าทายอย่างมากในยุคสมัยของเขาเหล่านี้ ปัญหายิ่งกว่าการเรียนให้เก่งก็คือ เด็กๆไม่รู้ว่าเรียนแล้วจะไปต่ออะไร เราสอนเราติวนักเรียนเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย การแข่งขันสูงมาก เราติวสอบคนอื่นก็ติวด้วยคะแนนสอบเข้าสูงขึ้นทุกปี แต่พบว่าคณะที่คนสอบเข้าเยอะที่สุดกับเป็นคณะบริหาร อ้าวเมื่อก่อนทำไมคนแย่งกันเข้า หมอ แย่งกันเข้าวิศวะ เพื่อมีอาชีพที่มั่นคง ปัจจุบันหลังสอบถามกลับกลายเป็นว่า นักเรียนที่เลือกเข้าบริหารส่วนใหญ่ไม่รู้จะเข้าอะไรเลยเลือกตามเพื่อนบ้างเลือกตามคณะที่คนแย่งกันเข้าบ้างเพราะดูแล้วมันเป็นเทรนด์ที่กำลังมา ส่วนนักเรียนที่เลือกบริหารเพราะมีธุรกิจที่บ้านมาบริหารต่อก็ดูเป็นทางเลือกที่ใช่ อ่าวแล้วเคยถามตัวเองมั้ยว่าอยากสืบทอดธุรกิจต่อจากที่บ้านจริงๆมั้ย อีกทั้งยังมีปัญหาจากเด็กที่เรียนเก่งคะแนนดีอยากเข้าอะไรก็ได้แต่พอเข้าไปเรียนจริงๆแล้วกลับลาออกมาเปลี่ยนสายกลายเป็นว่าที่นั่งที่แย่งชิงมานั้นก็ว่างลงเสียดายแทนคนที่อยากเขาอยากเรียนจริงๆ เราจึงพบว่าวิกฤติจริงๆแล้วไม่ใช่การเรียนให้เก่งและสอบได้คะแนนดีๆแต่เป็นการค้นหาตัวเองเพื่อที่จะเรียนเข้ามหาวิทยาลัยในสาขาวิชาที่ตัวเองอยากจริงๆ ซึ่งคำถามว่า โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไรไม่ใช่คำถามที่ตอบได้ง่ายๆหากไม่ใช่ born to be แต่เป็นคำถามที่ใช้เวลาและเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้เพราะมนุษยมีเหตุผลและโตขึ้นทุกวัน เพียงแต่คำถามเหล่านี้ควรถามเค้าอยู่เรื่อยๆถามตั้งแต่ยังเด็กพูดคุยด้วยเหตุและผลปรึกษาข้อดีข้อเสียผ่านผู้ปกครองและครู จะตอบคำถามนี้ได้อย่างมั่นคงบางคนใช้เวลาเป็นปีๆที่จะค้นหาผ่านเหตุผลและได้ลงมือทำได้ลองผิดลองถูกจนแน่ใจและชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
คำถามที่ว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไรมันดูกว้างเกินไปกว้างเกินกว่าที่เด็กจะจินตนาการและนึกออกได้ อีกทั้งคณะวิชาในยุคนี้มีหลากหลายมากๆ มากจนผมเอง(ที่สอนและแนะนำนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัยมา 14 ปีแล้ว)ก็ยังสับสน เมื่อก่อนมีคณะให้เลือกอย่างมากก็ 7 คณะ ซึ่งเดี๋ยวนี้มีแตกแยกเฉพาะออกไปอีกเป็นสิบเป็นร้อยคณะคณะที่อยากเรียนก็มีที่ให้เลือกจะเรียนอีกเป็นร้อยๆแห่ง ทั้งภาคไทยบ้างอินเตอร์บ้างเรียนเมืองนอกบ้าง (ในยุคนี้การเดินทางและการสื่อสารสะดวกไปเรียนเมืองนอกง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะ) จนดูแค่ชื่อคณะไม่ได้แล้วต้องขอรายละเอียดกันจนไปถึงวิชาที่สอนถึงจะรู้ว่าคณะที่จะเข้าเรียนอะไรบ้างจบมาทำอะไรได้บ้าง ดังนั้นการตั้งคำถามว่าโตขึ้นหนูอยากเป็นอะไรอาจทำให้นักเรียนคนนั้นยิ่งสับสนและเครียดเข้าไปอีก คล้ายๆกับเวลาเราเดินไป Foodcourt ที่มีอาหารมากมาย ในช่วงเวลาเร่งรีบแล้วเพื่อนที่มาด้วยถามว่ากินอะไรดีแล้วเราเลือกไม่ถูกต้องเดินวนดูก่อนบางคนวนไปสองรอบยังเลือกไม่ได้เลือกนานแค่นี้ก็อึดอัดแล้ว แล้วเอาคำถามที่ต้องใช้เวลาเลือกแบบนี้มาถามนักเรียนซึ่งเค้าก็รู้ว่ามันคืออนาคตที่เค้าต้องเรียนอีก4ปีหรืออาจเป็นอาชีพเค้าในอนาคตอีก แค่อาหารมื้อเดียวยังอึดอัดนี่อนาคตทั้งอนาคตคนถูกถามบางทีรู้สึกอึดอัดตอบพ่อแม่ไม่ได้ก็โกรธใส่ทะเลาะกันไปอีก
เอาแบบนี้เราลองมาคิดก่อนตั้งคำถามดีกว่าเพื่อแทนที่จะถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไรเรามานั่งวิเคราะย้อนกลับแบบนี้ดูเผื่อมันจะเป็นอีกแนวทาง ในการจะเลือกเรียนเพื่อเลือกอาชีพที่จะรอดในยุคอนาคต
เมื่อก่อนหากเราตั้งคำถามว่ามนุษย์อยู่รอดได้อย่างไร? แล้วเราตอบว่าเงิน เราก็จะตั้งคำถามต่อว่างั้นอาชีพอะไรที่ได้เงินเยอะจะได้อยู่รอดจะได้สบายก็เลือกเรียนอันนั้น พ่อแม่ก็โอเคด้วยเพราะอยากให้ลูกเรียนอะไรที่เลี้ยงชีพได้ในอนาคต ก็เลือก หมอ วิศวะ แต่นี่ยุคมันเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าย้อนกลับไปถามใหม่ว่ามนุษย์อยู่รอดได้อย่างไร? แล้วถ้าคำตอบไม่ใช่เงิน คิดแบบนี้บางทีความคิดเราจะเปิดกว้างมากขึ้น
ก่อนจะมีระบบเงินขึ้นมาบนโลกมนุษย์เพื่อใช้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสิ่งของ เราพบว่ามนุษย์ก็คือสัตว์โลกที่มีสมอง แต่ก็มีสิ่งที่ต้องการพื้นฐาน หากเราทำในสิ่งที่มนุษย์ขาดไม่ได้หรือต้องการ หลังจากนั้นเงินจะตามมาเอง ซึ่งอาชีพที่ถูกแบ่งตามสิ่งมนุษย์ต้องการมีดังนี้ (ซึ่งบางอาชีพคาบเกี่ยวหลายหมวดหมู่ได้)
1. อาชีพแห่งปัจจัย 4 อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค (สายหลักมนุษย์โลกขาดไม่ได้)
อาหาร – อาชีพที่เกี่ยวกับอาหารทั้งหมด ตั้งแต่ปลูกผัก เลี้ยงไก่ เลี้ยงวัว จนถึงประกอบอาหาร พ่อครัวแม่ครัว เปิดร้านอาหาร ชานมไข่มุก หรือคิดค้นอาหารใหม่ๆ food stylist Wine tester
เครื่องนุ่งห่ม – อาชีพที่เกี่ยวกับเครื่องนุ่งห่มทั้งหมด ผลิตเส้นใย ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เย็บเสื้อ กางเกง รองเท้า แฟชั่นดีไซน์ โรงงานผลิตต่างๆ
ที่อยู่อาศัย – ถลุงเหล็ก ผลิตปูน ปลูกต้นไม้ วัตถุดิบที่เอามาใช้ก่อสร้างต่างๆ โฟม พลาสติก คิดค้นวัสดุใหม่ๆทดแทน วิศวะ สถาปนิก ออกแบบตกแต่งภายใน
ยารักษาโรค – อาชีพที่เกี่ยวกับการผลิตยาปลูกพืชสมุนไพรทำยา เภสัชกร หมอรักษาคนไข้ ยารักษาโรคมะเร็ง นักจัดกระดูก บริษัทคิดค้นยาใหม่ๆ นักวิจัยทดลองยา ที่ปรึกษาปัญหาสุขภาพจิต โรคซึมเศร้า โรคสมาธิสั้น
2. มนุษย์เราต้องการความสนุกมนุษย์อยู่เป็นกลุ่มเป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องการความสนุกและบันเทิง
Entertainment สายแห่งความบันเทิงทั้งหมด นักแสดงดารา นักเขียน เรื่องเล่า นิยาย ผู้กำกับผลิตสื่อ ภาพยนตร์ ตัดต่อ ช่างภาพ จิตกร วาดรูปและประติมากรรม ผู้ผลิตเกม นักเล่นเกม นักร้อง ผลิตหูฟัง ลำโพง ให้เช่าเครื่องดนตรีคอนเสริต sound engineer streming online netfilx สวนสนุก ซื้อขายไอดี ไอเทมในเกม
Relaxation การผ่อนคลายบำบัดและรักษา หมอนวด วิทยาศาสตรการกีฬา โค้ชนักกีฬา ดนตรีบำบัด
New experience (edutainment) ขายประสบการณ์ความรู้ โค้ชสอนทำอะไรต่างๆ การท่องเที่ยว บ้านพัก โฮมส์เตย์
Omakase อาหารพร้อมเรื่องเล่า หนังประวัติศาสตร์ หนังจินตนาการโลกอนาคต Netflix อาหารแห่งความบันเทิง ผู้ผลิตแอลกอฮอลล์ ไวน์ เหล้า เบียร์ต่างๆ
3. มนุษยเราต้องการสืบพันธ์
นอกจากการช่วยให้มีลูก การทำ gift spermbank หัวข้อนี้ดูสุ่มเสี่ยงแต่มนุษย์ก็เหมือนสัตว์อื่นทั่วๆไปที่ต้องมีการสืบพันธุ์เพื่อขยายเผ่าพันธุ์หรือการดำรงค์ไว้ของเผ่าพันธุ์ เราจึงมีความต้องการทางเพศเป็นเรื่องปกติ เรื่องการหาคู่ควรเป็นเรื่องธรรมชาติ ดังนั้นอาชีพที่หากินกับความต้องการทางเพศดูไม่เหมาะสมกับศีลธรรมอันดีงาม เราจึงขอข้ามหัวข้อนี้ไป
4. มนุษย์เราต้องการแข็งแรงขึ้น เก่งขึ้น (เปรียบเสมือนหัวหน้าเผ่าที่แข่งขันกันด้วยกำลัง)
ดังนั้นนี่คือสายของการต่อสู้แข่งขัน+พัฒนาความสามารถทางร่างกายและปัญญา นักกีฬาอาชีพ โค้ช ผู้จัดการทีม นักมวย MMA personal trainer ผู้คิดค้นอุปกรณกีฬา หรือ เครื่องช่วยฝึกอะไรใหม่ที่ทำให้นักกีฬาเก่งขึ้น นักโภชนาการ อาหารสำหรับนักกีฬา ผลิตสารสกัด วิตามิน โปรตีนอาหารเสริม เครื่องตรวจสอบเครื่องวัดค่า ออกแบบผลิตเครื่องวัดความแข็งแรงทางร่างกายต่างๆ ทีมตรวจสอบวัดค่า VO2max สำหรับนักกีฬา เครื่องวัดชีพจรขณะออกกำลังกาย Garmin Apple watch นักปรัชญา ผู้เขียนหนังสือ คอนเทนต์เกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง
5. มนุษย์เป็นสัตวสังคม มนุษย์ต้องการดูดีขึ้น (เป็นปัจจัยเบื้องต้นในการจับคู่)
ผู้ผลิตเครื่องสำอาง น้ำหอม ศัลยกรรม โบทอก ฟิลเลอร์ สักคิ้ว 7 มิติ ร้อยไหม ตบหน้า แอปแต่งภาพ ผู้ผลิตกล้องถ่ายรูปถ่ายวิดีโอต่างๆ ช่างถ่ายภาพ โค้ชบุคลิคภาพ
6. เมื่อมนุษย์อยู่รวมกัน
เป็นหมู่ เป็นสังคม เป็นชุมชน ก็ต้องมีกฎ อยู่เป็นประเทศก็ต้อง มีรัฐบาล ก็เกิดอาชีพ นายก นักการเมือง ตำรวจ ทหาร นักกฎหมาย ทนาย พนักงานคำนวณภาษี
7. การขนส่งการเดินทางการติดต่อสื่อสาร
รถไฟฟ้า รถทัวร รถบัส รถตู้ เครื่องบิน Kerry Grabcar Lalamove ช่างซ่อมเครื่องบิน ช่างซ่อมรถ คนสร้างถนน ทางด่วน ผู้ผลิตโทรศัพท์ ผู้ส่งสัญญาณ internet นักบิน พนักงานขับรถ มอเตอรไซครับจ้าง บุรุษไปรษณีย์ เรือส่งสินค้า Hyperloop Drone ส่งสินค้า รถยนต์ไร้คนขับ และวิธีการเดินทางใหม่ๆที่กำลังพัฒนา
8. ไฟฟ้าและพลังงาน สิ่งที่เราขาดไม่ได้
วิศวกรโรงไฟฟ้า ผู้ผลิตแผงโซล่าร์เซล วิศวกรติดตั้ง วิศวกรสำรวจและขุดเจาะน้ำมัน แก้ส LPG NGV ผู้ผลิตแบตเตอรี่ ถ่านนาฬิกา ถ่านไฟฉาย แบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริด
9. สายประดิษฐและคิดค้น
สร้างเครื่องมือใหม่ๆ เครื่องทุ่นแรงต่างๆ ทำให้สามารถทำอะไรได้สะดวกมากขึ้น รวมไปถึงเครื่องช่วยอำนวยความสะดวกกับคนเฉพาะกลุ่ม เช่น คนชรา และ คนพิการต่างๆ ของไอเดียเครื่องมือเครื่องใช้แปลกมีเยอะมากในร้าน Daiso เจ้าประดิษฐ์จริงๆของญี่ปุ่น mission to mars ของ TeslaX นักบินอวกาศ
10. สายการเงิน
นักเล่นหุ้น นักธุรกิจ การลงทุนLTFต่างๆ นักเก็งผลกำไรจากค่าทอง App Ai ช่วยการลงทุน ตลาด futureSET50index ผู้บริหารกองทุน Poptradder ผู้เชี่ยวชาญแนะนำการลงทุน อาชีพคู่ขนานที่สามารถทำพร้อมงานประจำที่ทำอยู่ เป็นสายของการบริหารเงิน การลงทุนแลกเปลี่ยน bitcoin forex ตัวแทนออมเงิน ตัวแทนประกันชีวิต นักบัญชี
11. สายธุรกิจ
นักธุรกิจ ค้าขายต่างๆ ช่องทางค้าขาย พ่อค้าคนกลาง เวปชิ้อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้า ตัวแทนจำหน่าย พนักงานขายตรง
12. อาชีพฮีโร่ กู้โลก ช่วยเหลือมนุษย์ชาติ
ผู้กอบกู้วิกฤติ นักผจญเพลิง ผู้ช่วยเหลือน้ำท่วม ผู้เชี่ยญชาญทางภัยธรรมชาติต่างๆ องค์กรช่วยเหลือสัตวโลก องค์กรช่วยเหลือเด็ก องค์กรช่วยเหลือผู้พิการ องค์กรช่วยเหลือผู้ป่วยและคนชรา มูลนิธิต่างๆ ผู้อำนวยการ ผู้คิดค้นรณรงค์ กลุ่มพลังงานทางเลือกต่างๆ ทั้งวิศวกรผู้คิดค้น โรงงานผู้ผลิต ออกแบบ และ ก่อสร้าง
13. อาชีพเกี่ยวกับ ความเชื่อ วัฒนธรรม ประเพณี และศรัทธา
หมอดู ดูดวง ไพ่ยิปซี ร่างทรง ดูฮวงจุ้ย รับจ้างถ่ายรูปพรีเวดดิ้ง งานรับปริญญา ตัดเช่า ชุดแต่งงาน ชุดครุย รับจัดงานประเพณี งานแต่งงานหมั้น งานบุญ งานทอดผ้าป่า โรงศพสัตว์ มัคทายก ผู้รับจัดพิธีฉาปณกิจ ออแกไนเซอร์
14. อาชีพเกี่ยวกับเพื่อนต่างพันธุ์
เลี้ยงสัตว์ จำหน่ายอาหารสัตว์ เพาะพันธ์ ผสมพันธุ์ หาสายพันธุ์ใหม่ สวนสัตว ผู้ผลิตจำหน่ายที่อยู่อาศัยของสัตวเลี้ยง ผ้าอนามัยสุนัข สัตวแพทย สัตวประกวด แข่งขัน
15. อาชีพใหม่ๆที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ทุกวันนี้เรามีอาชีพ startup อาชีพใหม่ Youtuber Grabfood Gamer reviewเกม reviewร้านอาหาร reviewแหล่งท่องเที่ยว เจ้าของเพจfollowerหลักแสนในเฟสบุ้ค นักพัฒนาและคิดค้นแอปพลิเคชั่น google facebook IG LINE โลงศพย่อยสลายสู่ธรรมชาติ รับจ้างจองคิว รับจ้างเป็นเพื่อนเที่ยว รับจ้างคนมาร่วมงานแต่งงานมงคลต่างๆ รับจ้างเล่นเกมอัพแร้งค์ เขียน coding
Content นี้เริ่มต้นที่ ประสบการณ์ของเราที่พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ยังหาตนเองไม่เจอ ไม่ได้รวมถึงนักเรียนที่เกิดมาแล้วค้นพบตัวเองจริงๆมีสิ่งที่อยากเป็นจริงๆ หรือค้นพบความสุขในสิ่งที่ตัวเองกำลังเรียนจริงๆและเราก็เริ่มจะออกทะเลไปไกล อ่านไปอ่านมาก็เริ่มงงว่ากำลังเขียนอะไร จริงๆแล้วเราอยากจะแชร์ว่า โลกและยุคสมัยนั้นมันเปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นการที่เราลองเปลี่ยนมุมมองลองถามคำถามเดิมๆในมุมที่ต่างออกไปอาจจะได้คำตอบที่เราไม่คาดคิดหรืออาจจะได้ค้นพบอะไรบางอย่างจากเด็กๆนักเรียน หรืออาจจะได้แนวคิดใหม่ๆ หรืออาจจะเกิดอาชีพใหม่ๆ ขึ้นมาเลยจริงๆก็ได้
โลกได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วดังนั้นคำถามที่ว่า โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไรก็ควรจะเปลี่ยนด้วย หากเราสามารถตอบคำถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไรได้ เราก็สามารถย้อนกลับมาที่เด็กนักเรียนหรือลูกหลานของเราได้ว่าจริงๆแล้วเค้าควรเลือกเรียนอะไร เค้าควรมีความรู้และskillอะไรเพื่อที่จะเอาตัวรอดได้ในยุคอนาคต เค้าควรเสริมการเรียนรู้อะไรที่เป็นประโยชน์ เพื่อรับผิดชอบต่อตนเองสังคมและโลกนี้ได้ นอกจากการตั้งใจเรียนตั้งใจกวดวิชาสอบแข่งขันเพียงเพื่อคะแนนที่ดีที่สุด ซึ่งการเรียกกวดวิชาส่วนใหญ่เน้นไปที่วิธีลัดรูปแบบสำเร็จในการท่องจำได้รวดเร็วมิใช่เพื่อความรู้พื้นฐานที่แน่นมากขึ้นแต่เพื่อคะแนนที่ดีขึ้น เพื่อไปสอบเข้าให้ได้เท่านั้น เพื่อแย่งกันเข้าไปเรียนในมหาลัยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแย่งกันเข้าไปทำไม เข้าไปแล้วก็ไม่ใช่ตัวเอง แย่งกันสมัครเรียนกวดวิชาเพื่อให้ได้มีที่นั่งในมหาลัยที่ดี มีชีวิตที่เรารู้สึกว่าเราสอบติดแล้วมีรางวัลปลอบใจที่ว่าเราเก่งกว่าคนทั่วไป เมื่อสอบติดก็คิดได้ว่าเรารอดแล้ว ซึ่งในชีวิตจริงไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่ารอดเลย
คำถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไรหากเราช่วยกันหาคำตอบจากคำถามนี้จากนักเรียนหรือจากลูกหลานของเราได้ เราถึงจะรู้คำตอบว่าจริงๆแล้วเค้าต้องเรียนอะไร ไม่แน่ว่าการไปสมัครลงเรียนวิชาชีพที่เค้าสนใจ เช่น การทำอาหาร ทำเค้ก วาดรูป ตัดคลิป คอร์สวันเดียวจบ หรือคอร์สสอนการลงมือทำออนไลน์ทางอินเตอรเน็ตสั้นๆ อาจเป็นทางรอดในยุคอนาคต สามารถหาเลี้ยงปากท้องตัวเองได้จริง สามารถประสพความสำเร็จมีชีวิตที่มีความสุขได้ และอาจจะสำคัญกว่าการแย่งกันกวดวิชาเพื่อสอบเข้าไปเอาใบปริญญาที่ต้องทนเรียนไปอีก 4 ปีหรือมากกว่าก็ได้
ปล.อยากฝากคำถามนี้ไปยังนักศึกษาและลูกศิษย์ครูทุกคนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยด้วยนะ ว่าเราควรเอาเวลาว่างจากการเรียนในรั้วมหาลัยมาเสริมความรู้ที่เราสนใจจริงๆมั้ย ควรลงมือทำธุรกิจหรือลงคอร์สเรียนอะไรจริงๆจังๆดูบ้างมั้ย เพราะเราจะได้ไม่ต้องสงสัยอีกว่าถ้าเราทำจริงๆมันใช่ตัวเรามั้ย และมันอาจเป็นทางรอดของเราก็ได้ เพราะสิ่งที่ทุกคนมีเท่ากันและใช้ไปทุกวันก็คือเวลาและยังขอฝากถึงนักเรียนนักศึกษาและทุกๆคนที่เรียนไม่จบว่าคุณไม่ใช่คนไร้สมรรถภาพ ชีวิตคุณไม่ได้ไร้ค่า หากคุณหาคำตอบให้ตัวเองได้ จงเดินไปหาหรือเปิดคอมหาอะไรเรียนที่เป็นตัวคุณซะ เพราะในยุคนี้ไม่ต้องจบไม่ต้องมีใบปริญญาแล้ว เพียงแค่ข้ามคืนหรือเพียงแค่คลิ้กแล้วลงมือทำคุณก็สามารถประสบความสำเร็จมีธุรกิจหาเงินได้ และอยู่รอดได้ และ ทางโรงเรียนของเราขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนที่เข้ามาอ่านเรายินดีและมีความสุขมากทุกครั้งที่ได้ช่วยเหลือหรือเป็นแรงกระตุ้นให้นักเรียนทุกคนค้นพบตัวเอง หากบทความนี้ทำให้คุณมีแรงบันดาลใจหรือมีแรงในการค้นหาคำตอบ เรายินดีที่คุณจะแชร์บทความนี้ออกไปถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์กับใครบางคนที่คุณรู้จักและหากคุณหรือคนเหล่านั้นค้นพบคำตอบกลับมาแชร์เป็นกำลังใจให้เราบ้างนะครับ
Comments