ระบบการศึกษาของประเทศอังกฤษในระดับโรงเรียน
UK Education System
ประเทศอังกฤษจะเรียกระดับชั้นเรียนต่าง ๆ ว่า “Year” ต่างจากระบบอเมริกาที่เรียกว่า “Grade” โดยอังกฤษมี Year 1-13 แต่ในอเมริกามี Grade 1-12 ดูเหมือนกับว่าด้านฝั่งอังกฤษจะเรียนหนักกว่าใช่ไหมคะ แต่จริง ๆ แล้วเวลาเรียนระดับมหาวิทยาลัยจะเรียนเพียงแค่ 3 ปี ส่วนอเมริกาเรียน 4 ปี ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าระยะเวลาการเรียนเท่ากันค่ะ
ช่วงที่เริ่มมีความสำคัญต่อการสมัครเรียนในมหาวิทยาลัย คือ 2 ช่วง ได้แก่
Secondary Education นักเรียนจะมีอายุประมาณ 14-16 ปี ซึ่งเป็นวัยที่กำลังเริ่มค้นหาตัวตนว่าสนใจสาขาวิชาไหน โดยกลุ่มวิชาหลัก ๆ ที่ต้องเรียนคือ Math, English, Science และกลุ่มอื่น ๆ ให้เลือกอีกมากมาย เมื่อเรียนและสอบเรียบร้อย นักเรียนจะเริ่มรู้ตัวว่ามีความถนัดด้านใด ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกวิชาเรียนในระดับสุดท้าย (A-Level)
Sixth Form Year นักเรียนจะมีอายุประมาณ 16-18 ปี ซึ่งนักเรียนจะรู้ว่าตนเองแล้วว่าถนัดในสาขาวิชาอะไร จากนั้นจะเลือกเรียน A-Level ที่ในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ ๆ คือ AS Level และ A2 Level โดยเนื้อหาของ A-Level นั้นมีความลึกถึงในระดับของมหาวิทยาลัยทีเดียว โดยการนำคะแนน A-Level ไปใช้นั้นมีหลายวิธี โดยถ้ามีคะแนน A-Level ขั้นต่ำ 3 Credit สามารถถูกพิจารณาเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่อังกฤษได้เลยโดยไม่ต้องสอบวัดความรู้อื่นเพิ่ม หรือสามารถใช้ยื่นคู่กับคะแนน IELTS *แต่ถ้านักเรียนจะยื่นสมัครมหาวิทยาลัยในประเทศไทยอาจต้องใช้คู่กับคะแนน Admission Test ด้วย
ระบบการศึกษาของอเมริกาในระดับโรงเรียน
US Education System
ความแตกต่างของระบบของอังกฤษและอเมริกาคือ โรงเรียนในระบบอเมริกาแต่ละแห่งจะมีข้อสอบที่ต่างกันออกไป ตามมาตรฐานของหน่วยงานที่ควบคุมคุณภาพของแต่โรงเรียน ส่วนในระบบอังกฤษจะใช้ข้อสอบเดียวกันทั้งประเทศเสมอ และอีกหนึ่งของความแตกต่างคือ ระบบอเมริกาจะไม่รีบให้นักเรียนค้นหาตัวตน โดยวิชาเรียนใน High School จะยังหลากหลาย (มากกว่า 5 วิชา/ เทอมในทุกเทอม) ในขณะที่ระบบอังกฤษจะค่อย ๆ ลดจำนวนวิชาลงเรื่อย ๆ จนเหลือ 3 วิชาในปีสุดท้าย
IB เป็นอีกระบบการศึกษาหนึ่ง ซึ่งแบ่งการเรียนรู้ออกเป็น 3 ระดับ คือ - Primary Years Programme นิยมเรียกว่า PYP (3-11 ปี) - Middle Years Programme นิยมเรียกว่า MYP (11-16 ปี) - Diploma Programme นิยมเรียกว่า IB Diploma (16-18 ปี)
ในช่วง High School บางโรงเรียนอาจไม่นำการเรียนการสอนแบบธรรมดามาใช้ แต่จะนำระบบ AP มาใช้ผสมกับระบบธรรมดาด้วย AP เป็นข้อสอบที่มีให้เลือกหลายวิชา โดยเป็นการนำเนื้อหาในระดับมหาวิทยาลัยมาให้นักเรียน High School เรียน (คล้ายกับ A-Level ของระบบอังกฤษที่นำเนื้อหาเบื้องต้นในมหาวิทยาลัยมาเรียนกัน)
คะแนน AP มีผลต่อการสมัครมหาวิทยาลัยและหากได้รับการตอบรับให้เรียน อาจได้รับยกเว้นไม่ต้องเรียนวิชานั้นในช่วงมหาวิทยาลัยก็ได้ (เงื่อนไขทั้งหมดมักจะมีผลกับมหาวิทยาลัยในอเมริกาเท่านั้น) นักเรียนสามารถเลือกออกแบบการเรียนได้เองด้วยการนำวิชาของ IBDP และ AP มาผสมกันภายใต้เงื่อนไขของโรงเรียนค่ะ
Other education system ทางเลือกในการศึกษานอกระบบ: GED
หลักสูตรการเรียนเทียบเท่าระดับมัธยมปลาย จากสหรัฐอเมริกา โดยมี 4 วิชา เปิดสอบตลอดทั้งปี เมื่อสอบเสร็จจะได้ใบ Diploma เช่นกัน
Exam Subjects:
1. Mathematical Reasoning (115 minutes)
2. Reasoning Through Language Arts (150 minutes)
3. Social Studies (70 minutes)
4. Science (90 minutes)
ขั้นตอนสุดท้ายก่อนสมัครเรียนมหาวิทยาลัย: ACT/ SAT
เนื่องจากโรงเรียนในอเมริกามีมาตรฐานความยากของข้อสอบที่ต่างกัน หากนำเกรดเฉลี่ยของนักเรียนทั้งประเทศไปยื่นสมัครมหาวิทยาลัย อาจจะดูไม่ยุติธรรมนัก ในอเมริกาจึงต้องมีข้อสอบวัดผล (Standardized Test) เพื่อเป็นข้อสอบกลางก่อนสมัครมหาวิทยาลัยอีกครั้งหนึ่งค่ะ
โดยข้อสอบที่เป็นที่นิยมได้แก่ SAT และ ACT (มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่รับผลทั้งคู่)
น้องๆคนไหนที่กำลังกังวลและเตรียมตัวสอบในหลักสูตรอังกฤษและอเมริกา The Class Tutor ของเรามีคอร์สเตรียมความพร้อม up skills ให้น้องๆที่มาพร้อมโปรโมชั่นพิเศษมากมาย ปรึกษาและวางแผนการเรียนได้แล้ววันนี้ โทร: 094-952-5241 ติดตามข่าวสารได้ทาง FB: The Class Tutor / IG: theclasstutor
댓글